Why is data backup and recovery important
เหตุใดการสำรอง และกู้คืนข้อมูลจึงมีความสำคัญ?
การสำรองและกู้คืนข้อมูลมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อทุกคน ไม่ว่าจะเป็นบุคคลทั่วไปหรือองค์กรธุรกิจ เนื่องจากข้อมูลเป็นทรัพย์สินที่สำคัญมากในยุคดิจิทัลนี้ การสูญเสียข้อมูลอาจส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน การทำงาน หรือธุรกิจได้อย่างมาก
การสำรองข้อมูล ปกป้อง
ป้องกันการเกิดความเสียหายของข้อมูลสำคัญ
ในปัจจุบันเราใช้เทคโนโลยีในชีวิตประจำวันเป็นส่วนใหญ่
ด้านการทำงานมีข้อมูลสำคัญที่มากมาย ถือเป็นทรัพย์สินอันมีค่า อาจเกิดข้อผิดพลาด
หรือเกิดการโจมตีทางไซเบอร์ได้อย่างกระทันหัน หรือไม่ทันคาดคิด การป้องกันที่ดี
และสำคัญคือการสำรองข้อมูล เหตุผลที่ทำให้การสำรองข้อมูลเป็นสิ่งจำเป็นในปี 2024 มีดังนี้
เหตุผลที่ทำให้การสำรองข้อมูลเป็นสิ่งจำเป็นห้ามลืมทำเด็ดขาด
1. ภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้น
ไวรัส แรนซัมแวร์ การโจมตีทางไซเบอร์อื่นๆ
กำลังทวีความรุนแรง และซับซ้อนมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง การสำรองข้อมูลจะช่วยให้คุณสามารถกู้คืนข้อมูลที่สูญหายไปได้หากเกิดเหตุการณ์เหล่านี้ขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว
2. อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เก็บข้อมูลมีแนวโน้มเสียหายได้เสมอ
ฮาร์ดดิสก์เสีย
เครื่องคอมพิวเตอร์ล่ม หรืออุปกรณ์มือถือตกเสียหาย
เป็นเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคน และไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ ดังนั้นการสำรองข้อมูลจะช่วยให้คุณไม่สูญเสียข้อมูลสำคัญ
3. ข้อผิดพลาดของมนุษย์ เผลอลบ เผลอทิ้ง
เหตุการณ์ลบไฟล์โดยไม่ได้ตั้งใจ
หรือการฟอร์แมตฮาร์ดดิสก์โดยไม่ได้ตั้งใจ
อาจเกิดขึ้นในหลายคนเรียกได้ว่าเป็นอุบัติเหตุที่เราไม่ทันยับยั้งได้ จึงเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ข้อมูลสูญหาย
การสำรองข้อมูลจะช่วยให้คุณนำข้อมูลกลับมาใช้งานแทนที่ไฟล์ที่คุณเผลอลบทิ้งไปได้
4. กฎหมายคุ้มครองข้อมูล
กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เข้มงวดมากขึ้น
ทำให้องค์กรต้องมีมาตรการในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า
การสำรองข้อมูลเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการเหล่านี้
5. ความต้องการเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็ว
ในยุคที่ทำงานจากระยะไกล
และบนคลาวด์ การเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็ว สะดวกสบายเป็นสิ่งสำคัญ
การสำรองข้อมูลจะช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงข้อมูลของคุณได้จากทุกที่ทุกเวลา
วิธีการสำรองข้อมูลที่นิยม
•
สำรองข้อมูลบนฮาร์ดดิสก์ภายนอก:
วิธีที่ง่ายและราคาถูกที่สุด
•
สำรองข้อมูลบนคลาวด์:
สะดวกในการเข้าถึงจากทุกที่ทุกเวลา
ตัวอย่างการสำรองข้อมูลที่ดี
การสำรองข้อมูลที่ดีนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง
เช่น ปริมาณข้อมูล ความสำคัญของข้อมูล และงบประมาณที่คุณมี แต่โดยทั่วไปแล้ว
การสำรองข้อมูลที่ดีควรมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้
1. กฎ 3-2-1
3-2-1 Backup Rule คืออะไร?
3-2-1 Backup Rule เป็นหลักการพื้นฐานที่สำคัญมากในการสำรองข้อมูล
เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลของคุณจะปลอดภัยและสามารถกู้คืนได้แม้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
เช่น ฮาร์ดดิสก์เสียหาย ไฟไหม้ หรือภัยคุกคามทางไซเบอร์
ประกอบด้วย 3 ข้อหลักการสำรองข้อมูล
3 สำเนา (3 copies) : คุณควรมีสำเนาข้อมูลอย่างน้อย 3 ชุด
2 สื่อชนิดเก็บข้อมูล (2 media) : สำเนาทั้ง 3 ชุดควรเก็บไว้ในสื่อเก็บข้อมูลที่แตกต่างกัน
เช่น ฮาร์ดดิสก์ภายนอก, แฟลชไดรฟ์ และคลาวด์
1 สถานที่ห่างไกล (1 offsite) : สำเนาหนึ่งชุดควรเก็บไว้ในสถานที่ที่ห่างไกลจากสถานที่เก็บข้อมูลหลัก เช่น ที่บ้านของญาติ, ที่ทำงานอีกสาขา หรือในคลาวด์
ทำไมต้องทำ 3-2-1 Backup Rule?
ลดความเสี่ยงทุกเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้น
การมีสำเนาข้อมูลหลายชุดในสื่อที่แตกต่างกัน
และเก็บไว้ในสถานที่ที่ต่างกัน
จะช่วยลดความเสี่ยงที่ข้อมูลจะสูญหายทั้งหมดในครั้งเดียว เช่น ถ้าฮาร์ดดิสก์ภายนอก
External HDD พังเสียหายโดยไม่ทันตั้งตัว
แต่คุณยังมีสำเนาที่ทำสำรองเก็บไว้บนคลาวด์ ก็สามารถเรียกข้อมูลกลับมาได้
รับมือกับภัยพิบัติ
หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น
ไฟไหม้ที่ทำลายคอมพิวเตอร์ของคุณ ข้อมูลสำรองที่เก็บไว้ในสถานที่อื่นจะยังปลอดภัย
ป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์
การโดนแรนซัมแวร์จากแฮกเกอร์อาจทำล็อครหัสข้อมูลทั้งหมดในคอมพิวเตอร์ของคุณ
แต่เมื่อคุณสำรองข้อมูลเก็บไว้ภายนอก และเก็บไว้ในที่อื่นๆ
คุณก็สามารถกู้คืนข้อมูลได้โดยไม่ต้องเสียเงินค่าไถ่ข้อมูลกลับมา
ตัวอย่างการนำ 3-2-1 Backup Rule ไปใช้
สำเนาที่ 1 ข้อมูลหลักบนคอมพิวเตอร์
สำเนาที่ 2 สำรองไปยังฮาร์ดดิสก์ภายนอกที่เก็บไว้ที่บ้าน
สำเนาที่ 3 สำรองไปยังคลาวด์ เช่น Google
Drive, Dropbox
3-2-1 Backup Rule เป็นหลักการที่ง่ายแต่มีประสิทธิภาพในการปกป้องข้อมูลของคุณ
หากคุณปฏิบัติตามหลักการนี้ จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าข้อมูลของคุณจะปลอดภัยแม้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด
2. การสำรองข้อมูลอัตโนมัติ
·
กำหนดเวลา: ตั้งค่าให้ระบบสำรองข้อมูลอัตโนมัติในช่วงเวลาที่คุณสะดวก
เช่น ก่อนนอน หรือช่วงวันหยุด
·
เลือกไฟล์: เลือกไฟล์ที่ต้องการสำรองอย่างระมัดระวัง
อาจจะเลือกสำรองไฟล์ที่สำคัญที่สุดก่อน เช่น เอกสารสำคัญ รูปภาพ วิดีโอ
·
ตรวจสอบการสำรองข้อมูล: ตรวจสอบเป็นระยะว่าการสำรองข้อมูลสำเร็จลุล่วงหรือไม่
3. การทดสอบการกู้คืนข้อมูล
·
ทำเป็นประจำ: ทดลองกู้คืนข้อมูลบางส่วนเป็นระยะ
เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถกู้คืนข้อมูลได้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
·
ตรวจสอบความสมบูรณ์:
ตรวจสอบว่าข้อมูลที่กู้คืนมานั้นสมบูรณ์และใช้งานได้ตามปกติ
ตัวอย่างการสำรองข้อมูลที่ครอบคลุม
สำรองข้อมูลส่วนบุคคล
·
คอมพิวเตอร์: ใช้ซอฟต์แวร์สำรองข้อมูล เช่น Windows Backup, Time Machine (สำหรับ Mac),
หรือซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สาม
·
สมาร์ทโฟน: ใช้บริการคลาวด์ เช่น Google
Drive, iCloud, Dropbox
·
โซเชียลมีเดีย: ดาวน์โหลดข้อมูลส่วนบุคคลจากโซเชียลมีเดียต่างๆ
สำรองข้อมูลสำหรับธุรกิจ
·
เซิร์ฟเวอร์: ใช้ซอฟต์แวร์สำรองข้อมูลสำหรับเซิร์ฟเวอร์ เช่น Veeam, Acronis
·
คลาวด์: ใช้บริการคลาวด์สำหรับธุรกิจ เช่น AWS, Azure, Google Cloud
·
NAS: ใช้ NAS (Network Attached Storage) เพื่อเก็บข้อมูลสำรอง
ตัวอย่างสถานการณ์ที่ต้องใช้การสำรองข้อมูล
·
ฮาร์ดดิสก์เสีย: ข้อมูลทั้งหมดในฮาร์ดดิสก์อาจสูญหายได้
·
คอมพิวเตอร์ถูกไวรัส: ไวรัสอาจเข้ามาทำลายไฟล์สำคัญ
·
เกิดน้ำท่วม
ไฟไหม้:
อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อาจเสียหาย
·
ลบไฟล์โดยไม่ได้ตั้งใจ: ไฟล์ที่สำคัญอาจถูกลบโดยไม่ตั้งใจ
·
สรุป: การสำรองข้อมูลที่ดีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องข้อมูลของคุณจากการสูญหาย
การเลือกวิธีการสำรองข้อมูลที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าข้อมูลของคุณจะปลอดภัย
สิ่งที่ควรพิจารณาการสำรองข้อมูลของคุณเพิ่มเติม
·
ความถี่ในการสำรอง
กำหนดความถี่ในการสำรองข้อมูลให้เหมาะสมกับความสำคัญของข้อมูล เช่น สำรองรายวัน, สัปดาห์ หรือเดือน
·
การทดสอบการกู้คืน ทดลองกู้คืนข้อมูลเป็นระยะ
เพื่อให้มั่นใจว่าสามารถกู้คืนข้อมูลได้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน
·
การรักษาความปลอดภัย
เข้ารหัสข้อมูลสำรองเพื่อป้องกันการเข้าถึงโดยบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต
• เลือกสื่อเก็บข้อมูลที่เหมาะสม: พิจารณาปริมาณข้อมูลที่ต้องการสำรอง
และความเร็วในการถ่ายโอนข้อมูล
• เข้ารหัสข้อมูล:
เพื่อป้องกันข้อมูลจากการถูกเข้าถึงโดยบุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต
• อัปเดตซอฟต์แวร์สำรองข้อมูล: เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพที่ดีที่สุด