6 Management in ERP D365BC Cost-effective

Views : 94
6 Management in ERP D365BC Cost-effective

6 Management in ERP D365BC Cost-effective

6 การจัดการใน ERP Dynamics 365 Business Central  ที่ช่วยให้ธุรกิจบริหารต้นทุนได้อย่างคุ้มค่า


การควบคุมต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจมีความสามารถในการแข่งขันและเติบโตอย่างยั่งยืน ในโลกธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การเลือกเครื่องมือที่ช่วยในการจัดการต้นทุนได้ดีจึงกลายเป็นสิ่งสำคัญ และสำหรับหลายๆ องค์กร Microsoft Dynamics 365 Business Central เป็นทางเลือกที่น่าสนใจที่สามารถทำให้การบริหารต้นทุนเป็นเรื่องที่ง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

ระบบ ERP หากนำมาใช้อย่างถูกต้องและเหมาะสม จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารต้นทุน และสร้างผลกำไรให้กับธุรกิจได้อย่างแท้จริง

 

Dynamics 365 BC มาพร้อมกับเครื่องมือสำหรับธุรกิจที่จะช่วยให้คุณ ได้มองเห็นภาพรวมของต้นทุน, ควบคุมค่าใช้จ่าย, ลดการสูญเสีย, และเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงาน ส่งผลให้สามารถลดต้นทุนและสร้างกำไรได้จริง อย่างไรก็ตาม การใช้งานต้องมี การวางแผนที่ดี และต้องนำไปใช้ให้เหมาะกับโครงสร้างธุรกิจ


1. การจัดการสินค้าคงคลัง บริหารสินค้าหมุนเวียนไว ลดความเสี่ยงของค้างสต็อก

การรักษาสินค้าคงคลังให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ถือเป็นเรื่องที่ท้าทาย โดยเฉพาะเมื่อมีการหมุนเวียนสินค้าที่หลากหลาย การสามารถติดตามสต็อกได้แบบเรียลไทม์และใช้กลยุทธ์ต่างๆ ในการจัดการ ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้หลักการ FIFO หรือการคำนวณที่เหมาะสม ช่วยให้ธุรกิจสามารถลดการลงทุนในสินค้าคงคลังโดยไม่จำเป็นได้


 

1.1 ลดความเสี่ยงจากการลงทุนเกินความจำเป็นในสินค้าคงคลัง

การมีสินค้าคงคลังที่มากเกินไปจะทำให้เกิดต้นทุนในการเก็บรักษาสินค้า และอาจทำให้เกิดการสูญเสียจากสินค้าค้างสต็อกที่ไม่สามารถขายได้ ระบบการจัดการสินค้าคงคลังช่วยให้ธุรกิจสามารถควบคุมปริมาณสินค้าคงคลังที่เหมาะสม

 

1.2 ใช้ข้อมูลจาก D365BC เพื่อคาดการณ์ความต้องการ และวางแผนสินค้าคงคลัง

การใช้ข้อมูลจากระบบ ERP ในการคาดการณ์ความต้องการของสินค้าในอนาคตช่วยให้สามารถสั่งซื้อสินค้าล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ เพื่อลดการสั่งซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็นหรือการขาดแคลนสินค้า ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการสั่งซื้อเกินไปหรือการขาดแคลน

 

1.3 เพิ่มความคล่องตัวในการจัดการสินค้าคงคลัง

การรู้ข้อมูลสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ ช่วยให้ธุรกิจสามารถทำการตัดสินใจที่รวดเร็วในการเติมสินค้าหรือหยุดการสั่งซื้อสินค้าที่ไม่ได้รับความนิยม ซึ่งช่วยลดต้นทุนในด้านการเก็บรักษาและการเสียสินค้าค้างสต็อก

 

1.4 ปรับปรุงกระบวนการหมุนเวียนสินค้าภายในคลัง

การใช้หลักการต่างๆ เช่น FIFO (First In, First Out) หรือ LIFO (Last In, First Out) ในการจัดการสินค้าคงคลังช่วยให้สินค้ามีการหมุนเวียนที่มีประสิทธิภาพ และลดการเสื่อมสภาพหรือการหมดอายุของสินค้าก่อนที่จะสามารถนำไปขายได้ ซึ่งทำให้ไม่สูญเสียต้นทุนในการเก็บสินค้าที่ไม่สามารถขายได้

 

1.6 การลดค่าใช้จ่ายจากการผลิตเกินความต้องการ

การมีข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับสินค้าคงคลังช่วยให้ธุรกิจสามารถคำนวณความต้องการการผลิตในแต่ละช่วงเวลาได้แม่นยำ และไม่ผลิตสินค้ามากเกินไปจนทำให้เกิดต้นทุนที่ไม่จำเป็น

ด้านการจัดการสินค้าคงคลังที่มีประสิทธิภาพจึงไม่เพียงแค่ลดต้นทุนโดยตรงจากการจัดการสินค้าคงคลังให้เหมาะสม แต่ยังสามารถช่วยลดต้นทุนที่เกิดจากการบริหารทรัพยากรและการขนส่ง รวมถึงการบริหารกระบวนการผลิตที่เกี่ยวข้องด้วย

 

2. การควบคุมต้นทุนการผลิต วางแผนการผลิตให้เหมาะสม ลดต้นทุนแฝง

สำหรับธุรกิจที่มีการผลิตสินค้า การวางแผนและติดตามกระบวนการผลิตเป็นเรื่องสำคัญในการลดต้นทุน ต้องมีการบันทึกข้อมูลต่างๆ ในทุกขั้นตอนช่วยให้การคำนวณต้นทุนได้อย่างละเอียด  และป้องกันการสูญเสียทรัพยากร หรือการใช้วัสดุเกินความจำเป็น

 

2.1 คำนวณต้นทุนการผลิตที่แม่นยำ

ระบบ ERP สามารถคำนวณต้นทุนการผลิตโดยอัตโนมัติจากข้อมูลต่างๆ เช่น วัสดุที่ใช้ในการผลิต, ค่าแรงงาน, และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำให้สามารถคำนวณต้นทุนจริงในแต่ละกระบวนการผลิตได้อย่างแม่นยำ ลดความเสี่ยงจากการคำนวณผิดพลาดและช่วยให้สามารถวางแผนการผลิตได้ดียิ่งขึ้น

 

2.2 ติดตามการใช้ทรัพยากรในกระบวนการผลิต

ระบบ ERP ช่วยให้สามารถติดตามการใช้วัสดุและทรัพยากรในกระบวนการผลิตได้แบบเรียลไทม์ ซึ่งช่วยให้สามารถวิเคราะห์การใช้ทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพสูงสุด และป้องกันการสูญเสียจากการใช้วัสดุเกินหรือไม่เหมาะสม การติดตามนี้ยังช่วยให้สามารถปรับปรุงกระบวนการผลิตและลดต้นทุนโดยรวม

 

2.3 บริหารจัดการกำลังการผลิต

การวางแผน และบริหารกำลังการผลิตเป็นสิ่งสำคัญในการควบคุมต้นทุน โดย Dynamics 365 BC การคำนวณ และวางแผนการผลิตที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดหรือการสั่งซื้อ ช่วยหลีกเลี่ยงการผลิตเกินหรือการขาดแคลน ซึ่งช่วยลดต้นทุนในการเก็บสต็อกสินค้า อีกทั้งยังลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนวัตถุดิบ

 

2.4  ควบคุมการใช้ระยะเวลาในการผลิต

ระบบ ERP สามารถติดตาม บันทึกเวลาที่ใช้ในการผลิตแต่ละขั้นตอน ทำให้สามารถระบุปัญหาที่เกิดจากการใช้เวลามากเกินไป และปรับปรุงกระบวนการผลิตให้เร็วขึ้นได้ การลดเวลาการผลิตไม่เพียงแค่ช่วยลดต้นทุนค่าแรงงาน แต่ยังสามารถเพิ่มความสามารถในการผลิตได้มากขึ้นในช่วงเวลาที่เท่ากัน

 

2.5 วิเคราะห์และปรับปรุงกระบวนการผลิต

สามารถวิเคราะห์ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการผลิต เช่น ปริมาณในการผลิตแต่ละครั้ง, การใช้วัสดุ-วัตถุดิบ, และการใช้แรงงาน ให้คุณได้มองเห็นภาพรวมในงานผลิตช่วยให้สามารถระบุจุดที่เป็นคอขวดในกระบวนการผลิต และทำการปรับปรุงแก้ไข สร้างแผนกำลังปลิตได้ทันที เพื่อให้การผลิตมีประสิทธิภาพสูงขึ้นและลดต้นทุนการผลิตในระยะยาว



3. การบริหารการเงิน ติดตามกระแสเงินสดแบบเรียลไทม์ ลดปัญหาสภาพคล่อง

การเข้าใจภาพรวมของกระแสเงินสด และการบริหารบัญชีในทุกด้าน ช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจทางการเงินได้อย่างรอบคอบ การบันทึกการเงินและการคำนวณข้อมูลที่ถูกต้องทำให้สามารถจัดการค่าใช้จ่ายต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นสิ่งที่ธุรกิจไม่สามารถมองข้ามได้

 

3.1 การควบคุมงบประมาณ และติดตามค่าใช้จ่าย

ระบบสามารถตั้งงบประมาณและติดตามค่าใช้จ่ายได้แบบเรียลไทม์ ช่วยให้ธุรกิจสามารถควบคุมการใช้จ่ายและลดความเสี่ยงจากการใช้จ่ายเกินงบประมาณ

 

3.2 การจัดการกระแสเงินสด

การบริหารกระแสเงินสดทำให้ธุรกิจสามารถติดตามการรับและการจ่ายเงินได้ง่ายขึ้น ช่วยในการตัดสินใจที่ดีเกี่ยวกับการลงทุนหรือการใช้จ่ายในอนาคต

 

3.3 การวิเคราะห์ และสรุปรายงานทางการเงิน

ใช้งานฟีเจอร์ในการสร้างรายงานทางการเงิน และการวิเคราะห์ต้นทุนที่สามารถช่วยในการตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูล เช่น การทำรายงานงบกำไรขาดทุน, งบดุล, และการวิเคราะห์สภาพคล่องของธุรกิจ

3.4 การควบคุมสินค้าคงคลังและต้นทุนการผลิต

ระบบช่วยให้สามารถติดตามสต็อกสินค้าและต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับการผลิตได้ ซึ่งช่วยในการควบคุมต้นทุนการผลิตและป้องกันการเก็บสต็อกที่เกินจำเป็น

 

3.5 จัดการติดตามบัญชีหนี้สิน และบัญชีเจ้าหนี้ที่มีประสิทธิภาพ

วางแผนการใช้จ่ายล่วงหน้า ช่วยให้เห็นสถานะทางการเงินแบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถกำหนดเวลาชำระเงินเจ้าหนี้ตามงบประมาณที่มี และหลีกเลี่ยงค่าปรับหรือดอกเบี้ยจากการจ่ายล่าช้า ลดปัญหาหนี้เสีย ธุรกิจมีสภาพการเงินที่คล่องเพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจต่อไป  

 

3.6 การลดความเสี่ยงจากการทำธุรกรรม

ด้วยระบบที่สามารถตรวจสอบและควบคุมการทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างละเอียด สามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการทุจริต และข้อผิดพลาดในการทำธุรกรรม

 

4. การจัดการการสั่งซื้อ ควบคุมการสั่งซื้อ ลดต้นทุนจากคำสั่งซื้อที่ไม่จำเป็น

การควบคุมการสั่งซื้อสินค้าจากซัพพลายเออร์ไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุนการจัดซื้อ แต่ยังช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อได้ดีขึ้น ด้วยข้อมูลที่สามารถใช้พยากรณ์ความต้องการ และวางแผนการสั่งซื้อได้ล่วงหน้า

 

4.1 การคำนวณราคาต้นทุนโดยอัตโนมัติ

ระบบช่วยคำนวณราคาต้นทุนของสินค้าที่สั่งซื้อโดยอัตโนมัติ ธุรกิจสามารถทราบต้นทุนที่แท้จริงของสินค้าแต่ละรายการ และคำนวณกำไรได้อย่างแม่นยำ รวมทั้งช่วยให้การตั้งราคาขายหรือการวางแผนการเงินมีความถูกต้องและคุ้มค่ามากขึ้น

 

4.2 การเลือกซัพพลายเออร์ที่มีราคาคุ้มค่า

เปรียบเทียบราคาและเงื่อนไขจากซัพพลายเออร์หลายรายได้อย่างง่ายดาย ช่วยให้ธุรกิจสามารถเลือกซัพพลายเออร์ที่มีราคาคุ้มค่า และเงื่อนไขที่เหมาะสมที่สุด

 

4.3 ควบคุมสต็อกสินค้า ลดการสั่งซื้อสินค้าที่เกินจำเป็น

ระบบช่วยในการจัดการสต็อกสินค้าให้มีประสิทธิภาพ โดยการติดตามสินค้าคงคลังในแบบเรียลไทม์ และช่วยลดความเสี่ยงจากการสั่งซื้อมากเกินไปหรือขาดแคลนสินค้า ซึ่งช่วยลดต้นทุนในการเก็บสต็อก และจัดการกับสินค้าที่หมดอายุ    

 

4.4 การบริหารจัดการคำสั่งซื้อที่มีประสิทธิภาพ

ระบบช่วยให้สามารถจัดการคำสั่งซื้อได้ง่ายขึ้น โดยการใช้ข้อมูลย้อนหลังในการคาดการณ์ความต้องการสินค้า  รวมถึงการออกรายงานการสั่งซื้อที่สามารถช่วยให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างแม่นยำ ช่วยหลีกเลี่ยงการสั่งซื้อซ้ำหรือเกินความจำเป็น

 

5. การติดตามต้นทุนโครงการ ติดตามทรัพยากรและค่าใช้จ่ายในโครงการ ลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น

บางครั้งการบริหารต้นทุนในโครงการสามารถกลายเป็นเรื่องยุ่งยากได้ โดยเฉพาะเมื่อมีหลายปัจจัยที่ต้องคำนึงถึง การสามารถติดตามและประเมินค่าใช้จ่ายได้ในแต่ละระยะเวลา ช่วยให้การควบคุมต้นทุนในโครงการสามารถทำได้ในแบบที่ไม่ทำให้เกิดการเกินงบประมาณ

 

5.1 การติดตามต้นทุนแบบเรียลไทม์ (Real-Time Cost Tracking)
Dynamics 365 Business Central ช่วยให้สามารถติดตามต้นทุนของโครงการได้แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนการใช้วัสดุ, ค่าแรง, หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งช่วยให้ผู้จัดการโครงการสามารถดูภาพรวมของต้นทุนที่เกิดขึ้นได้ทันที และสามารถปรับแผนการดำเนินงานได้ตามสถานการณ์

 

5.2 แยกงานในแต่ละโครงการ หรือโปรเจค
การแยกจัดการงานต่างๆ ในแต่ละโครงการทำให้คุณสามารถมองเห็นรายละเอียดต้นทุนนั้นๆ ได้อย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นต้นทุนที่เกี่ยวกับแรงงาน, วัสดุ, หรือค่าใช้จ่ายอื่นๆ ซึ่งช่วยในการวิเคราะห์ และตัดสินใจที่ดีขึ้นในการควบคุมต้นทุน

 

5.3 การตั้งงบประมาณโครงการ

ระบบช่วยในการตั้งงบประมาณสำหรับโครงการแต่ละโครงการและติดตามความคืบหน้าของโครงการตามงบประมาณที่กำหนด หากมีการบันทึกเปลี่ยนแปลงข้อมูลจากงบประมาณ สามารถตั้งค่าให้ระบบจะแจ้งเตือนทันที หรือสามารถเรียกดูข้อมูลย้อนหลังเพื่อตรวจสอบเส้นทางการใช้ค่าใช้จ่ายได้อย่างมีหลักฐานข้อมูล ลดความเสี่ยงเกิดทุจริต และสามารถปรับแผนการจัดการต้นทุนงานโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

5.4 การคำนวณต้นทุนที่เกี่ยวข้องกับโครงการ

การคำนวณ และแบ่งปันต้นทุนที่เกิดขึ้นจากโครงการไปยังแผนกต่างๆ หรือกิจกรรมเฉพาะในโครงการ ซึ่งช่วยในการประเมินความคุ้มค่าของการลงทุนในแต่ละส่วนของโครงการ และสามารถจัดสรรทรัพยากรได้อย่างเหมาะสม

 

5.5 การจัดการและติดตามการชำระเงิน
      จัดการการชำระเงินและการออกใบแจ้งหนี้ที่เกี่ยวข้องกับโครงการได้อย่างแม่นยำ ช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามการจ่ายเงินในแต่ละโครงการและสามารถควบคุมการใช้จ่ายได้ดียิ่งขึ้น

 

5.6 การบริหารจัดการความเสี่ยงของโครงการต่าง ๆ

ระบบช่วยในการระบุและติดตามความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในโครงการ เช่น ความล่าช้าในการดำเนินงานหรือค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าที่คาดการณ์ ซึ่งช่วยให้สามารถปรับกลยุทธ์เพื่อป้องกันไม่ให้ต้นทุนเกินงบประมาณ

 

การติดตามต้นทุนโครงการใน Dynamics 365 Business Central ทำให้ธุรกิจสามารถควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยให้โครงการดำเนินไปได้ตามแผน โดยไม่เกินงบประมาณที่กำหนดไว้.

 

6. การใช้ข้อมูลในการตัดสินใจ ลดต้นทุนจากกระบวนการผิดพลาด

การรายงาน และการวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมจากทุกส่วนของธุรกิจช่วยให้สามารถมองเห็นภาพรวมได้อย่างชัดเจน ด้วยการมีข้อมูลที่แม่นยำอยู่แล้วนั้นทำให้การตัดสินใจปรับลดต้นทุน และสร้างผลกำไรได้ดีอีกด้วย

 

ทั้งนี้การเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสมในการบริหารต้นทุนสามารถช่วยให้ธุรกิจลดการสูญเสียและทำให้การลงทุนในทรัพยากรมีความคุ้มค่ามากขึ้น ทุกๆ ฟังก์ชันที่กล่าวถึงนั้นล้วนแต่สามารถนำมาปรับใช้เพื่อเสริมสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันได้ แต่สิ่งที่สำคัญคือการปรับแต่งให้เหมาะสมกับลักษณะธุรกิจของแต่ละองค์กร

 

 

6.1 การวิเคราะห์ต้นทุนแบบเรียลไทม์

แสดงข้อมูลต้นทุนได้แบบ Real-Time ทำให้ธุรกิจสามารถติดตามแนวโน้มของต้นทุนที่เพิ่มขึ้นหรือลดลง และสามารถตัดสินใจปรับแผนการดำเนินงานได้ทันที เรียกดูรายละเอียดต้นทุนในแต่ละหมวดหมู่ เช่น ค่าแรง, วัสดุ, ค่าขนส่ง หรือค่าใช้จ่ายทางการเงิน เพื่อระบุจุดที่สามารถลดต้นทุนได้

 

6.2 คาดการณ์ทางการเงิน

ใช้ข้อมูลจากการขาย, การสั่งซื้อ และต้นทุนในอดีตเพื่อคาดการณ์แนวโน้มทางการเงินในอนาคตช่วยให้สามารถวางแผนงบประมาณล่วงหน้า และปรับกลยุทธ์ทางธุรกิจให้เหมาะสมกับสถานการณ์ เช่น การลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น หรือเพิ่มการลงทุนในส่วนที่ให้ผลตอบแทนสูง

 

6.3 การปรับปรุงกระบวนการจัดซื้อ และซัพพลายเชน

ระบบช่วยให้สามารถเปรียบเทียบราคาจากซัพพลายเออร์หลายราย และเลือกซื้อจากผู้ให้บริการที่มีราคาคุ้มค่าและมีเงื่อนไขที่ดีที่สุด ใช้ข้อมูลแนวโน้มการใช้วัตถุดิบและสินค้าคงคลัง เพื่อลดต้นทุนในการสต็อกสินค้าเกินความจำเป็น หรือหลีกเลี่ยงการขาดแคลนวัตถุดิบที่อาจส่งผลกระทบต่อการผลิต

6.4 การจัดการต้นทุนการผลิต (Manufacturing Cost Management)

ใช้ข้อมูลจากกระบวนการผลิตเพื่อตรวจสอบวัตถุดิบที่ใช้, เวลาการทำงานของเครื่องจักร และประสิทธิภาพแรงงานคำนวณต้นทุนต่อหน่วยสินค้าเพื่อวิเคราะห์ความคุ้มค่าของแต่ละกระบวนการ และปรับเปลี่ยนการผลิตให้ลดต้นทุนได้มากที่สุด


6.5 บริหารจัดการกระแสเงินสด และงบประมาณที่ตั้งไว้

ติดตามสถานะทางการเงิน เช่น รายรับ รายจ่าย หนี้สิน และบัญชีลูกหนี้ เพื่อให้สามารถวางแผนการใช้เงินสดได้ดีขึ้นลดความเสี่ยงในการขาดสภาพคล่อง หรือการใช้จ่ายเกินงบประมาณที่ตั้งไว้

 

6.6 สรุปรายงานวิเคราะห์ต้นทุนในงานต่างๆ ของธุรกิจ

ใช้งานเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูล และรายงานที่สามารถปรับแต่งให้เหมาะสมกับแต่ละธุรกิจ เช่น รายงานต้นทุนสินค้า, รายงานค่าใช้จ่ายแยกตามแผนก หรือรายงานผลกำไรจากโครงการ หรือต่อยอดการสร้างรายงาน Power BI ที่เชื่อมต่อเข้ากับ ERP Microsoft Dynamics 365 Business Central เพื่อสร้างแดชบอร์ดที่ช่วยให้ผู้บริหารเห็นภาพรวมของต้นทุนในงานต่างๆ สามารถสร้างหน้ารายงานหัวข้อเฉพาะงานต่างๆ เช่น ภาพรวมต้นทุนการผลิต, ภาพรวมต้นทุนงานโครงการ,

ภาพรวมต้นทุนสินค้าคงคลัง และอื่นๆ

 

การใช้ข้อมูลบน ERP Microsoft Dynamics 365 Business Central ช่วยให้ธุรกิจสามารถตัดสินใจได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว โดยใช้ข้อมูลต้นทุนที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบัน ทำให้สามารถลดต้นทุนที่ไม่จำเป็น, วางแผนทางการเงินอย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มผลกำไรให้กับธุรกิจ

 

 BIGWORK ผู้ให้บริการติดตั้งระบบ ERP Microsoft Dynamics 365  Business Central 

Line : @BIGWORK 

โทร.  062-6198619

e-mail : marketing@bigworkthailand.com


บล็อกที่เกี่ยวข้อง


หากคุณกำลังมองหาระบบ ERP เพื่อการบริหารด้านธุรกิจและการวางแผนทรัพยากรต่างๆ ขององค์กรให้มีประสิทธิภาพที่สูงสุด เรามีบริการให้คำปรึกษาเกี่ยวกับปัญหาทางเทคนิคครบวงจร ทั้งงานด้าน Implement และ Support เพื่อช่วยพัฒนาและบริหารด้านธุรกิจของท่านให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด